แถลงข่าวนปช.แดงทั้งแผ่นดิน วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2556



ทีมข่าว นปช.
30 ตุลาคม 2556

วันนี้เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5  กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ได้แถลงข่าวประจำวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2556 นำโดยอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.  และแกนนำส่วนกลางท่านอื่นอีกมากมาย





อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.

สวัสดีค่ะพี่น้องที่มาที่นี่และทางบ้าน ขอบคุณที่พี่น้องมากันอย่างอุ่นหนาฝาขั่ง เพราะเราเข้าใจว่าพี่น้องมาให้กำลังใจแกนนำนปช.ทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่จุดยืนจุดเดิม เรากล้าพูดเช่นนี้เพราะเราคิดว่าท่ามกลางการต่อสู้เราสัมผัสหัวใจกันได้ และจุดยืนของนปช.นี้ คำพูดนี้ ยังเป็นจุดยืนเดิมและความรู้สึกเดิม ตั้งแต่10เมษา53ถึงพฤษภา 53 เรายังมีความคิดแบบเดิม แม้นว่ามีการพัฒนาไปจำนวนหนึ่งแต่จะให้พัฒนาสุดซอยไปจนถึงนิรโทษกรรมคนสั่งฆ่าประชาชนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ คือที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการการปรองดองและไม่ยอมให้ประเทศเดินไปข้างหน้า แล้วอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงว่า ในการปรองดองนั้นมันจะต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริงที่ปรากฏความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ในทุกแผ่นดินก็ต่อเมื่อมีความยุติธรรมและมีนิติธรรมเกิดขึ้นก่อนในแผ่นดินนั้น ไม่ใช่การเจรจาตกลงของชนชั้นนำในแผ่นดิน อันนี้ไม่มีทางที่จะเกิดการปรองดองขึ้นได้ในประเทศนี้ นอกจากเป็นความสมัครใจของประชาชนทั้งประเทศจึงจะเกิดขึ้นได้

ลำพังความเชื่อที่ว่ามีชนชั้นอยู่จำนวนหนึ่งสามารถคุยกันได้ตกลงกันได้ แล้วจะทำให้ประเทศชาติปรองดองได้นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะความขัดแย้งหลักมันมาจากการปกครอง ผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง ชนชั้นนำที่มีความขัดแย้งกันนั้นเป็นความขัดแย้งชั่วคราว แต่ความขัดแย้งที่แท้จริงและจำเป็นต้องแก้ มันจำเป็นที่จะต้องมีฐานจากประชาชน เราจึงขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าการปรองดองที่ยั่งยืนแท้จริงจะต้องมีความจริงปรากฏ ยุติธรรมและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ไม่ใช่การเจรจากลุ่มชนชั้นนำเพียงไม่กี่คน ไม่มีทางสำเร็จได้ค่ะ

ประเด็นแรกก็จะนำเสนอในความขัดแย้งที่หลายคนเข้าใจ ว่าขณะนี้มีปัญหามีจุดยืนที่แตกต่างกันและดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยก็ดูเหมือนจะมีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสส.เสื้อแดงที่อยู่ในพรรค นั่นก็เป็นสิทธิของการนำของพรรคเพื่อไทย แต่นปช.ในฐานะองค์กรต่อสู้ของประชาชน เราจำเป็นที่ต้องยืนหยัดอยู่บนจุดยืนของประชาชนส่วนใหญ่และสัมผัสใกล้ชิดต่อหัวใจประชาชนที่ร่วมต่อสู้กันมาหลายปี เราอยากจะแสดงความคิดเห็นว่าในสถานการณ์อันเดียวกันนั้น พรรคเพื่อไทยมีประกอบที่แตกต่างจากนปช. เพราะฉะนั้นคิดเห็นในพรรคเพื่อไทยจึงมีหลากหลาย สมาชิกของพรรคเพื่อไทยหลายคนใกล้เคียงเครือข่ายของระบอบอำมาตย์ด้วยซ้ำ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอาจจะยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีทัศนะและท่าทีต่อเหตุการณ์ที่ต่างกัน หรือแม้กระนั้นบางคนอาจจะไม่ประสงค์ที่จะให้เสื้อแดง นปช.เติบใหญ่แข็งแรงด้วยซ้ำ นี่คือทัศนะของผู้ปกครองที่จะมองผู้ถูกปกครองอย่างหวาดระแวง เป็นธรรมดาเราเข้าใจ

แต่สำหรับนปช.นั้นเรามองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพันธมิตรที่แนบแน่น พูดง่ายๆว่าเราอยู่ฝั่งเดียวกัน ความคิดเห็นที่ต่างกันเราคิดว่าเป็นรองไม่ใช่ความขัดแย้งหลัก เรานึงสงวนท่าทีและรักษาท่าทีอย่างระมัดระวังไม่ให้ความขัดแย้งนี้เป็นความขัดแย้งหลัก ดังโฆษกได้พูดว่า แม้เราจะมีความคิดเห็นต่างกัน แต่จะให้คนเสื้อแดงไปเฮโลสาระพากับม็อบอุรุพงษ์หรือพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะนี่คือการกุมหลักการของนักต่อสู้แม้จะเจ็บปวดหรือหลายคนบอกแม้จะต้องกลืนเลือดก็ตาม แต่ขาของเราต้องยืนอยู่ข้างประชาชนเต็มที่และเราเตือนเพื่อนเราว่าอย่าถลำไปยืนอยู่อีกข้างหนึ่งเป็นอันขาด นี่คือคำเตือนของเรา

เพราะฉะนั้นความคิดที่ต่างกันจึงทำให้การแก้ปัญหาต่างกัน บางส่วนจนกระทั้งเป็นความคิดครอบงำในพรรคเพื่อไทยนั้น ก็เป็นความคิดที่จะยุติเพื่อที่ไม่ได้ทำให้ความจริงปรากฏ เพราะคิดว่านี่จะเป็นหนทางที่แก้ปัญหาแต่เราคิดต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ฝ่ายอัยการได้มีการฟ้องร้องสุเทพ เทือกสุบรรณกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่น่าจะเป็นความยินดีปรีดาและคนเสื้อแดงเป็นอันมาก ขณะนี้การไต่สวนได้ดำเนินไปตลอดเวลา ในบางส่วนได้มีการออกมาพูดว่ากฏหมายนิรโทษกรรม(ถ้าสำเร็จ) การค้นความจริงก็ยังจะต้องค้นความจริงต่อไป อันนี้ไม่ใช่แน่นอนถ้านิรโทษกรรมสำเร็จ คดีความต่างๆที่กำลังดำเนินการอยู่ในศาลก็จะยุติไปหมด ไม่มีการคำว่ามีองค์กรค้นคว้าหาความจริงดังที่มีท่านบางท่านได้แถลงเมื่อคืนนี้ อันนั้นไม่ใช่ความจริงเราไม่อยากพูดว่าเป็นความเท็จแต่ท่านอาจจะไม่รู้ก็ได้ ประสบการณ์ของอ.ธิดาที่ผ่าน 6 ตุลามาพบว่ายินดีที่มีนิรโทษกรรม คดีความต่างๆการไต่สวนซึ่งกำลังสืบสาวไปหาสาเหตุและต้นตอทั้งหลายยุติ เพราะยิ่งสาวก็ยิ่งใกล้ ดังนั้นถ้ามีการนิรโทษกรรมก็หมายความว่าการไต่สวนหาความจริงที่มีการสังหารประชาชนทุกคดียุติหมด ไม่มีเรื่องที่บอกว่าจะมีองค์กรมาทำ อันนั้นไม่จริง

พูดถึงเรื่องเมื่อคืน มีคำพูดบางอย่างที่บอกไว้ว่า เราไม่ไต่สวนในประเทศแต่เอาไปฟ้องร้องต่างประเทศ ก็ต้องขอพูดว่าไม่เป็นความจริง ไม่ควรจะเป็นนิทานที่หลอกกันซ้ำซากอีกต่อไป ถ้าคุณจริงใจจะให้ไปศาลยังโลก ขณะนี้เพียงแต่รมต.ต่างประเทศเซ็นชื่อรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีเหตุการณ์เมษา-พฤษภา53 เท่านี้อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศก็เข้ามาดำเนินงานได้ นอกจากไม่ทำแล้วยังนิรโทษกรรมแล้วหน้าที่ไหนที่จะไปฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ นี่เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นสองเรื่องนี้เราไม่รู้ว่าจะมีเรื่องเท็จเรื่องอื่นอีกหรือป่าว แต่ในฐานะมิตรสหายกันก็ขอเตือนว่าเรื่องอะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงอย่ามาหลอกคนเสื้อแดงเลย เพราะคนเสื้อแดงเขารู้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆเลย

เพราะฉะนั้นเราขอแสดงจุดยืนด้วยเหตุผลว่า เราจำเป็นที่เราจะยินดีให้มีพรบ.นิรโทษกรรม ก็ด้วยเหตุผลเดียวในเวลานั้นและเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี55 ตั้งแต่ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เราเสนอ 3 เรื่อง เรื่องที่1ก็คือนิรโทษกรรมประชาชน เรื่องที่2 ให้เซ็นรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ และเรื่องที่3 คือลุยการแก้ไขมาตรา291วาระ3 สามเรื่องนี้ไม่บรรลุเลยค่ะ และเรื่องนี้เราเสนอมาตั้งแต่ต้น เราจำเป็นที่จะต้องนำเสนอนิรโทษกรรมของเราเป็นพระราชกำหนด แล้วคุณวรชัย มาขออนุญาตว่า ขอออกเป็นพรบ. เนื้อหาเหมือนพระราชกำหนดของนปช. เพราะเราทนเห็นพี่น้องเราที่ได้รับความอยุติธรรมอยู่ข้างเดียวไม่ไหว เราจึงจำเป็นต้องขอนิรโทษกรรมฉบับประชาชนไปก่อน เพราะฉะนั้นคือการแสดงเจตนารมณ์และแสดงออกพรบ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ซึ่งมุ่งให้ประชาชนออกมาโดยเร็วที่สุดและขจัดความขัดแย้งทั้งปวง ทั้งหมดนี้ยังเป็นจุดที่พวกเรายังยืนอยู่เหมือนเดิม ครั้งแรกที่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลใหม่ๆ คุณณัฐวฒิ ใสยเกื้อก็เสนอพรบ.ปรองดองต่างหาก ซึ่งไม่เหมือนของพรรคก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ก็คือนิรโทษประชาชนยกเว้นแกนนำในความหมายของผู้ก่อการร้ายและผู้กระทำฆ่าคนอย่างเล็งเห็นผลก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน เราจึงต้องขออภัยผู้สนับสนุน หรือผู้ที่เห็นด้วยกับร่างกรรมาธิการเสียงข้างมากประเภทยกเข่งหรือสุดซอยว่า เรามีหลักการและเหตุผลเช่นนี้ไม่ใช่ว่าด้วยอารมณ์ ฉะนั้นเราจึงไม่สามารถเปลี่ยนจุดเดิมได้ เชื่อมั่นว่าจุดยืนอันนี้คือจุดยืนที่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ในประเทศเห็นด้วยกับเรา เราเชื่อเช่นนั้น

ฉะนั้น ณ จุดยืนนี้เราก็ยังยืนยันเหมือนดังที่โฆษกพูดว่า เป็นความแตกต่างระหว่างความคิดเห็นระหว่างมิตรด้วยกันที่จะไม่ทำลายมิตรด้วยกัน สำหรับนปช.ไม่มีความคิดที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหายหรือทำลายพรรคเพื่อไทยแน่นอนค่ะ เราขอยืนยัน แต่ก็ขอเตือนเหตุการณ์ครั้งนี้ระบอบอำมาตย์ได้บรรลุจุดมุ่งหมายอย่างหนึ่ง พรรคเพื่อไทยจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ก็คือเขาสามารถทำให้คนเสื้อแดง มีบางส่วนที่แตกแยกกัน ทำให้เกิดความแตกต่างและแยกจำนวนหนึ่งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงหรือนปช. เพราะฉะนั้นท่าทีระหว่างกันจึงสำคัญมาก ก็ขอร้องพี่น้องเราว่า ไม่ว่าจะมีความคิดต่างกันอย่างไรขอให้อยู่ที่จุดยืนที่ว่า นี่คือความแตกต่างความขัดแย้งระหว่างประชาชนข้างเดียวกันที่ไม่ต้องการทำลายล้างกัน นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งเรากับอำมาตย์ อย่าทำให้ระบอบอำมาตย์นั้นได้บรรลุวัตถุประสงค์เป็นอันขาดโดยการทำลายคนเสื้อแดงหรือทำลายนปช. มิฉะนั้นแล้วโศกนาตกรรมก็จะเกิดขึ้นกับฝ่ายประชาชนทั้งหมด

เรื่องที่สองก็คือ อัยการฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ อภิสิทธิ์และสุเทพ เทือกสุบรรณ เราหวังว่ากรณีนี้จะเป็นเครื่องยืนยันว่าประเทศไทยนั้นความจริงต้องปรากฏ การไต่สวนกำลังดำเนินไป นี่ต้องไม่ใช่ละครฉากหนึ่งแต่เราต้องการให้เป็นเรื่องจริงต้องดำเนินต่อไปอย่าให้เป็นเพียงการแสดงของระบอบอำมาตย์เป็นอันขาด เพราะว่าคนเสื้อแดงจะไม่ต้องการเล่นละครด้วยกับระบอบอำมาตย์เป็นอันขาด

สุดท้ายก็คือ ขอเชิญชวนพี่น้องไปให้มาก จะมีการปราศรัย การวางพวงหรีด การเปิดอนุเสาวรีย์ของคนสามัญชนเป็นคนแรกในที่สาธารณะก็คือ นวมทอง ไพรวัลย์ เพื่อแสดงการยืนยันว่าเรานั้นยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ แล้วคนเสื้อแดงนั้นจะกุมความขัดแย้งหลักไว้ได้ เราจะไม่ให้เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องผลประโยชน์เข้ามาทำลายการต่อสู้ของประชาชนเป็นอันขาดฝั่งระบอบอำมาตย์และกลุ่มอนุรักษ์นิยมล้าหลังสุดขั่วเหล่านี้ ที่เขากลัวที่สุด นี่เป็นเรื่องสำคัญผ่านมาร่วม100ปียังไม่มีขบวนการประชาชนไหนเข้มแข็งเหมือนคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นเรามาร่วมกันด้วยจิตวิญญาณครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเราพูดเพื่อให้ญาติคนตายสบายใจ ปัญญานิรโทษกรรมให้กับคนฆ่าประชาชนนั้น นี่เป็นการต่อสู้สำหรับวีรชนในอดีต ปัจจุบันและอนาคต นี่ไม่ได้ทำเพื่อให้ญาติวีรชนสบายใจอย่างที่หลายคนคิดและก็คิดว่าถ้าเยียวยาด้วยเงินจำนวนหนึ่งแล้วก็น่าจะเรียบร้อย การเยียวยาไม่ได้มีเฉพาะเรื่องเงิน สำคัญก็คือเยียวยาชื่อเสียงของประชาชนทั้งหมดที่ได้ร่วมกันต่อสู้แล้วถูกตราหน้าว่า เป็นผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง เป็นการเยียวยาเพื่อเกียรติยศศักดิ์ศรีของประชาชนและคนเสื้อแดงทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องเฉพาะญาติวีรชนอย่างเดียวค่ะ





ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้างเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 

ได้กล่าวถึง สถานการณ์ในขณะนี้ เป็นการวัดหัวใจของคนเสื้อแดง  ว่าเราจะมีจุดยื่นที่แข็งแกร่งและมั่นคงหรือไม่  ด้านผมเองและพรรคเพื่อไทยหรือ นปช.เราเคยพูดว่าจะเอาพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านนี่เป็นเรื่องจริงแต่เราไม่เคยพูดว่า จะปล่อยฆาตกรให้พ้นผิดแม้แต่เพียงครั้งเดียว แต่เราเองก็เห็นว่าเครือข่ายอำมาตยาธิปไตยที่แวดล้อมรัฐบาลชุดนี้เขาไม่ได้ซื่อสัตย์กับรัฐบาลชุดนี้  การปล่อยกลลวงต่างกรรมต่างวาระ ตั้งแต่การเสนอพ.ร.บ.ปรองดองในห่วงเวลาที่กำลังรอโหวตรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ขณะที่บอกให้พรรคเพื่อไทยตายใจ ผมเองก็ไม่ใช่ บอกให้ณัฐวุฒิรวมร่วมรายชื่อเสนออีกทางหนึ่ง ไม่ปลดปล่อยฆาตกรและพวกผมให้ดำเนินคดีต่อไป แต่เราได้พิสูตรชัดเจนว่า  เครือข่ายอำมาตยาธิปไตยนั้นหลอกเราให้เชื่อสนิท แล้วไปบอกให้พรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรทุกเครือข่าย เตรียมตัว ทันทีที่เสนอพ.ร.บ.ปรองดองพวกนั้นล้อมสภาเรียบ ในที่สุดก็เดินต่อไปไม่ได้ รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ก็ถูกหยุดชะงักตามไปด้วยทั้งที่รออีกหนึ่งสัปดาห์ เราก็จะได้โหวตรัฐธรรมนูญมาตรา 291 แล้ว บัดนี้เรามี สสร.เรมมีการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนขึ้นมาใหม่แล้ว แต่เพราะเราไปเชื่อเครือข่ายอำมาตยาธิปไตย บัดนี้ก็เช่นเดียวกัน การที่จะหลอกให้ฝ่ายประชาชน หลอกพรรคเพื่อไทย บอกว่าให้เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปแก้ไขฉบับวรชัย หน้าเสนอหน้าเป็นวรชัย ออกมาเป็นประยุทธ แล้วก็บอกว่าสุดซอย

เวลานี้ต้องรู้ตัวอย่างหนึ่งว่า เรากำลังถูกลวงไปฆ่าในซอยตัน พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประชุมกันตั้งแต่เมื่อวานนี้  วันนี้ก็ได้แถลง สี่ รองหัวหน้าพรรคลาออกจากกรรมการบริหาร สุเทพ นัดชุมนุม 6 โมงเย็นวันพรุ่งนี้ ที่สถานนี้รถไฟสามเสน ซึ่งเป็นตะเข็บรอยต่อ ของพ.ร.บ.ความมั่นคง มีการระดมผู้คน ในเขตพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์ ในทุกภูมิภาค และในกรุงเทพ ตั้งแต่ในวันพรุ่งนี้เราไม่รู้ว่าในการพิจารณาในสภานั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นอกสภาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  และเราต้องรู้อย่างหนึ่งว่า วันที่ 11 พฤศจิกายนนั้น จะเป็นวันตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารก่อนหน้านี้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน  จะมีการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นเรื่องการแก้ที่มาของสว. ว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองซึ่ง ตั้งโทษไปถึง ยุบพรรคตัดสิทธิ์ทางการเมือง ดำเนินคดีทางอาญา หลังจากนั้นปปช. ก็ประกาศชัดเจนว่า เรื่องจำนำข่าว เขาจะให้จบในเดือนพฤศจิกายน  พรรคประชาธิปัตย์ต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้ว่างใน ห่วงเวลาในวันที่ 10 เศษๆ เพราะสภาจะปิดสมัยประชุม ในวันที่ 28 พฤศจิกายน  เพราะฉะนั้นมรสุมทุกทิศทาง ไม่รู้กี่เท้าจะถาโถมเข้าในในรัฐบาลนี้

การเสนอปลดปล่อยฆาตกรนี่เป็นเรื่องสาหัสสากันแล้ว ผมต้องบอกกับพรรคเพื่อไทยว่า อย่าได้ผลักให้พวกผมเป็นศัตรู 3 คนที่ประกาศงดออกเสียงไม่ว่าจะเป็นณัฐวุฒิ หมอเหวง วรชัย ถ้าคุณจะใช้กติกาของพรรคปลดเขาออกจากสมาชิก ให้บวกผมไปด้วย จตุพร พรหมพันธุ์ อีกคน แต่ผมจะไม่ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรค เพราะผมต้องการให้สติพรรคเพื่อไทยว่า ในการตัดสินใจ โดยอ้างว่าสุดซอยนั้น ท้ายที่สุดถ้าคุณถูกลวงไปฆ่า เมื่อหันหลังกลับมาคุณจะไม่เหลือใครอีกเลย พวกผมจึงไม่มีหน้าที่ ที่จะไปสนับสนุน การที่มาบอกว่าจะใช้กฎเหล็กบังคับสมาชิกซึ่งเป็นเพื่อนมิตรที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องคนเสื้อแดงนั้น คนที่ประกาศกฎเหล็กนั้น คุณเคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงสักครั้งบ้างไหม พวกผมเองเรารักพรรคเพื่อไทย รักรัฐบาลชุดนี้ แต่เราไม่มีวันที่จะสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยไปปลดปล่อยฆาตกรที่ฆ่าพี่น้องเราเด็ดขาด

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังเผชิญหน้าในขณะนี้นั้น ผมต้องเรียนตรงๆว่า สถานการณ์ทางการเมือง ที่ถูกหลอกทางการเมืองในเดือนพฤษภาคม ปี2555 ในการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองนั้น หรือการหลอกของประธานองค์กรอิสระคนหนึ่ง ที่เสนอให้มีการทำประชามติ และพวกกระผมไปทักท้วงอย่างรุนแรง ที่โบนันซ่านั้น ยังเบากล่าวการลวงไปฆ่าในในซอยตัน ให้มีการแสดงตนไม่อีนันขังตอกับความตายของคนเสื้อแดง และเมื่อไม่สำเร็จ ก็มีการตั้งเป้ากันว่า พรรคกับคนเสื้อแดงก็จะกลายเป็นปัญหา แต่เมื่อเรายืนอย่างแข็งแรง แน่นอนที่สุดเขาก็เดินมาตอกลิ่มกับคนเสื้อแดง ว่าให้สนับสนุนสุดซอยไปเทิด ให้ปลดปล่อยฆาตกรไปเทิด แล้วอ้างว่าเพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน ผมบอกว่าเอานายกทักษิณกลับบ้าน ทำเทิดจะทำวิธีใดก็ตามไม่ว่าจะอยู่ในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำทุกเรื่องราว คนเสื้อแดงพร้อมจะแลกชีวิตให้ แต่อย่างใดเอากรณีของการกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณไปเดิมพันด้วยการปลดปล่อยอภิสิทธิ์กับสุเทพ

ดังนั้นเหตุการณ์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป ซึ่งผมไม่รู้ว่าถัดจากวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราต้องรู้อย่างหนึ่งว่า เป้าหมายสิ่งที่ฝ่ายตรงกันข้ามเขากลัวที่สุด คือความแข็งแรงของคนเสื้อแดงที่จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับรัฐบาลประชาธิปไตยแต่ไอ้พวกนั้นมันหลอกล่อ บอกว่าเสื้อแดงแข็งแรงและจะกลายเป็นปัญหาของรัฐบาล เพราะมันต้องการฆ่ารัฐบาล มันต้องฆ่าคนเสื้อแดงก่อน ถ้าคนเสื้อแดงสามัคคีกัน เครือข่ายอำมาตยาธิปไตยไม่สามารถแทรกตรงการของคนเสื้อแดงได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องยืมมือคนเสื้อแดงด้วยกันเพื่อที่จะมาสลาย

ผมต้องเรียนเพื่อนหมู่มิตรว่า ตำแหน่งแห่งหน  ลาปยศสรรเสริญแม้ว่าในห่วงเวลาในชีวิต อาจจะมีเศษเสี้ยวชีวิตเผลอคิดไปบ้าง แต่มันเล็กกว่า กับความตายและความสูญเสียของประชาชน ซึ่งจะนำมาแลกไม่ได้เลย ไม่ว่าเกียรติยศ ชื่อเสียงก็ตาม ผมถือว่าตลอดระยะเวลาของคนเสื้อแดงนั้นในห่วงของการเป็นรัฐบาล เราได้พยายามประคับประคองรัฐบาล แทบจะไม่ได้มีการวิพากวิจารณ์เครือข่ายอมาตย์ จนกระทั่งชักจะลืมพล.อ.เปรม ไปนานแล้ว เพื่อต้องการให้รัฐบาลเดินหน้า พยายามไม่วิพากพิจารณ์กองทัพ เพื่อต้องการให้รัฐบาลเดินหน้า ยกให้ๆ

มาวันนี้ถามว่า จะต้องให้พวกผมยกนายอภิสิทธิ์กับสุเทพให้อีกหรอ ไม่เหลืออะไรแล้ว นปช.จึงอยู่ในสภาพหวานอมขมกลืนมาโดยตลอดเพราะเราต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าตลอด 2 ปีนี้ไม่ข้องแวะ สี่เสาเลยไม่กระทบกับกลไกของอำนาจรัฐใดๆเลย แต่มาวันนี้จะให้มาพวกผมไปสนับสนุน ไปแสดงความยินดี และก็บอกว่า มาร่วมนับหนึ่งประเทศไทยกัน ก็พรรคประชาธิปัตย์เขาไม่ร่วมนับหนึ่งด้วย ฆาตกรมันยังนับศพอยู่เลย ขณะที่เรานับหนึ่ง

ผมจึงบอกว่า ณ ขณะนี้ เราต้องพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา และผมเองก็เห็นว่า ขบวนการคนเสื้อแดงที่ท่านอ.ธิดาได้บอกว่า ถ้าวันนี้มันล่มสลายเพราะเราจิตใจที่ไม่เข็มแข็งพอ อีกร้อยปีไม่รู้จะสร้างขบวนประชาชนที่ยิ่งใหญ่กว่าคนเสื้อแดงนี้ได้อีกหรือไม่ พวกผมทุกคนไม่มีใครคิดอยู่ถึงร้อยปีแต่ขบวนการประชาชนนี้จะต้องอยู่อีกเป็นนับร้อยปี เพราะฉะนั้นในวันที่รุ่นของเรายังอยู่ เราจะทำลายขบวนการประชาชนที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้ การต่อสู้ที่ผ่านมานั้น เราไม่เคยสำเร็จแม้แต่เพียงข้อเดียว รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ ฆาตกรก็ไม่ถูกลงโทษ แล้ววันนี้เรากำลังจะปล่อยฆาตกร ถามว่าตลอดเส้นทางการต่อสู้นั้น เราได้จับสัมผัสใดๆบ้างที่เป็นความสุข ความสุขชิ้นเดียวที่กำลังได้ คือเอาฆาตกรไปดำเนินคดีในศาลสถิตยุติธรรม คุณก็กลับทำลายความสุขที่เรามีได้ เพราะฉะนั้น ผมเรียนยืนยันว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมไม่สนใจ ไม่เป็นอะไรเลยในชีวิตนี้ก็ไม่สนใจ เพราะตำแหน่งที่ไม่มีใครปลดผมได้คือ  คนเสื้อแดงตำแหน่งเดียว แล้วไม่ต้องกลัวว่า ผมจะทรยศใดๆกับพรรคเพื่อไทย ผมไม่มีวันจะทำอย่างนั้น แต่พรรคเพื่อไทยต้องตั้งคำถามกลับพรรคเพื่อไทยเองว่า จะปฏิบัติอย่างเดียวกับที่ผมปฏิบัติกับพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ขบวนการของเรานั้นจะต้องเดินด้วยความยากลำบาก ผมไม่รู้ว่า เราจะเหลือกี่คนในวันนั้น แต่ผมรู้ว่าประชาชน พี่น้องที่ร่วมฉะตากรรมที่มีความรู้สึก จะได้คิดเหมือนกับที่อยู่ที่นี่ทุกคนว่า เราจะลืมความตาย การบาดเจ็บ การศูนย์สิ้นอิสรภาพของพวกเรามิได้ และที่สำคัญที่สุดตลอดระยะเวลาที่ฆ่า จนกระทั่งบัดนี้ ไม่เคยมีคำว่าขอโทษเสียใจ สำนึก รับผิดชอบต่อการกระทำจากฆาตกรแม้แต่เพียงเศษเสี้ยวคำ มีแต่การเยะเย้ยถากถางว่า ผู้ก่อการร้าย เป็นคนเลว เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง เป็นพวกล้มล้างสถาบัน จะเยียวยาขัดขวาง นิรโทษปลดปล่อยประชาชนไม่ยอม นี่คือท่าทีของฆาตกร ที่แสดงเหยียบย้ำหัวใจของคนเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 10 เมษา จนถึงปัจจุบัน วันที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องสองคนนั้น ซึ่งจะต้องนำตัวไปส่งศาลแล้วจะต้องตกเป็นจำเลยในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลนั้น คนเหล่านี้ก็จะตกเป็นจำเลย คดีจะพิจารณาเป็นกี่ปีนั้นก็ว่ากันไป พวกผมก็ถูกดำเนินคดี ชีวิตกับชีวิตแลกกันไป แต่เป็นวันที่พี่น้องประชาชนที่ร่วมในการต่อสู้นั้นจะเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด ว่าสองคนนี้บัดนี้ได้ ตกเป็นจำเลยฐานฆ่าคนตายแล้ว แต่คนเหล่านั้นยังไม่ได้เฉียดคุก แม้แต่เพียงวินาทีเดียว ปรากฏว่าทันทีที่อัยการสั่งฟ้อง วันรุ่นขึ้นฝ่ายเราก็เสนอปลดปล่อยสองคนนั้นทันที

ผมต้องเรียนกับท่านตรงๆว่า เราไม่ได้มีจิตใจอาฆาตและที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ที่ท่านอ.ธิดา บอกชัดเจนว่าเราไปหวังศาลอาญาระหว่างประเทศ อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย ชาติหน้าก็ไม่มีทาง ถ้าอภิสิทธิ์ สุเทพได้เป็นรัฐบาล เสนอนิรโทษกรรมให้กับตัวเองสิครับ ไอ้อย่างนั้นเราร้องศาลอาญาระหว่างประเทศได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมในประเทศเราไม่เดิน นี่เป็นฝ่ายผู้ฆ่า ไปนิรโทษกรรมให้กับฆาตกร ทั้งที่ฆาตกรมันจะประกาศยโสโอหัง ประกาศไม่รับ แล้วเรายังดึงดันให้มันจนถึงขณะนี้  ผมต้องเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า ขบวนการโคนล้มรัฐบาล ในทามกลางการตอกลิ่มและต้องการให้เสื้อแดงมาอธิบายโทรทัศน์หลังจากผมเนี่ย ทำไปเทิดถ้าคิดว่าเป็นหนทางสำเร็จ ขอให้โชคดีก็แล้วกัน แต่ผมต้องเรียนว่า การพิสูตรนั้นมันจะเป็นอย่างเร็วมาก ไม่กี่วันก็จะเห็นว่าถูกลวง ถูกหลอกกันอย่างไร ผมบอกว่าคนเสื้อแดงเราไม่มีหน้าที่จะโดนหลอก

เราได้พยายามชวนแล้วว่าอย่าเข้าไปซอยเลยมันซอยตัน ฆาตกรมันจะลวงไปฆ่า ออกมาถนนใหญ่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับ 291 หรือ 309 ออกมาถนนใหญ่กันดีกว่า แต่ถ้าพาเราไปถูกฆ่าในซอยด้วย มันไม่เหลือใครจริงๆ แล้วประเภทเราเมื่อเข้าไปสุดซอย "เมื่อไปถึงซอยตันแล้ว พอมีเรื่อง พวกเราก็ไม่หนีเสียด้วยสิ แต่ไม่รู้พวกพาไปด้วย อ้าว หายหน้าไปไหนหมดแล้วตอนนั้น แล้วก็ไปตายเรียบกันในซอยตัน ชันสูตรว่าเป็นชายไทยชุดแดงอีกแล้วครับท่าน แล้วคนพาไป ... อ้าวหายไปไหนแล้ว ผมถึงบอกว่าผมไม่ร่วมเข้าซอยตันด้วย ผมจะมารอที่ถนนใหญ่ เพราะขบวนการประชาชนนี้จะพาประชาชนไปถูกฆ่าไม่ได้ ซอยนั้นเป็นจุดล็อกเป้า จุดลวงสังหาร ด้วยความรักผมถึงบอกว่าอย่าเข้าไปเลย" ผมจึงบอกว่าผมไม่ร่วมเข้าซอยตันนี้ด้วย ผมจะมารอที่ถนนใหญ่ เพราะว่าขบวนการประชาชนนี้เราจะพาประชาชนไปถูกฆ่าอีกไม่ได้ เพราะฉะนั้นนี่เป็นความรักระหว่างเรากับพรรคเพื่อไทย ผมจึงเรียนว่าใครก็ตามที่กำลังจะแสดงให้เห็นว่า การที่เรามีความเห็นต่างนั้นเป็นศัตรูกับพรรคเพื่อให้ตัวเองดูดีนั้น คุณอย่าได้ทำเลย ซึ่งผมรู้ว่าคนเสื้อแดงแยกความถูกต้องชั่วดีได้ ผมจึงเรียนกับท่านว่า เรารักพรรคเพื่อไทยเราจึงต้องพูดความจริงกับเขา แม้ว่าการพูดความจริงเขาอาจจะไม่ชอบ

แต่เรามีบทเรียน ความตายและหนทางตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมานั้น บทเรียนชีวิตเรามากมายเพราะฉะนั้นมันจึงข้ามพ้นความรู้สึกใดๆทั้งปวง ผมจึงบอกท้ายที่สุดประชาชนจะได้ตัดสินใจ การแสดงจุดยืนทางความรู้สึกนั้น แม้ว่าจะเหลือแค่คนเดียวก็ยังต้องแสดงจุดยืนอยู่ แต่ต้องขอบคุณพี่น้องว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นพี่น้องได้ร่วมแสดงจุดยืนเป็นจำนวนมากและมากจริงๆและจะมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยเดินไปผิดพลาดอย่างน้อยที่สุดยังเหลือขบวนการคนเสื้อแดงอยู่

แต่ถ้าคนเสื้อแดงเดินผิดพลาดไปด้วยคุณก็จะไม่เหลือใคร เพราะฉะนั้นการตัดสินใจของเราเพื่อรักษาประชาธิปไตย ให้ดำรงอยู่ต่อไป แม้ว่าวันนี้ใครจะเข้าใจผิดอย่างไรก็ชั่ง เรารู้ใจเราว่าเราบริสุทธิ์ใจที่ต้องการรักษาขบวนการประชาธิปไตยนี้ได้อยู่ยืนยาวที่สุด วันหนึ่งเมื่อคุณได้รู้ว่าถูกหลอกมาเหมือนเดิมคุณก็จะรู้ว่าคนเสื้อแดงยังยื่นอยู่อย่างแข็งแกร่งและไม่ยอมให้ใครมาทำลายขบวนการประชาธิปไตย